วันที่ 23 มกราคม 2568 นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ ภายใต้หัวข้อ "การเฉลิมฉลองทศวรรษแห่งความร่วมมือในระดับภูมิภาคเพื่ออนาคตเกษตรกรรมที่ยั่งยืน" งาน 10th Anniversary of ASEAN Climate Resilience Network (ASEAN-CRN) โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ นายคีตวุฒิ นับแสง ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์เขตตรวจราชการที่ 15,16, นางสาวกมลวรรณ นุชัย สหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่, นางยุพิน อินทะญาติ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมสหกรณ์ 5 ตลอดจนส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน ณ โรงแรมแมริออท โฮเทล เชียงใหม่
          กิจกรรมดังกล่าว ได้จัดขึ้นเพื่อ หารือ และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่จะสามารถสนับสนุนการปรับตัวเพื่อรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคอาเซียน ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เปิดนิทรรศการ ASEAN-CRN‘s Achievements และเดินเยี่ยมชมนิทรรศการที่หน่วยงานต่างๆได้นำมาจัดแสดงผลงานความสำเร็จของการพัฒนาในภาคการเกษตร ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียนที่มาเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
          โดย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นย้ำว่า ประเทศไทยจะเป็นผู้นำในการดำเนินการอย่างเป็น รูปธรรมในการ "ไม่เผาพืชทางการเกษตร และไม่รับซื้อ ไม่นำเข้าสินค้าเกษตร ที่ผ่านการเผา" และขอให้การดำเนินการของประเทศไทยเป็นต้นแบบในภูมิภาคอาเซียน อย่างไรก็ตามประเทศไทยดำเนินการเพียงประเทศเดียวคงไม่สามารถลดปริมาณหมอกควันจากฝุ่น PM2.5 ในภูมิภาคได้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมืออย่างต่อเนื่องจากทุกประเทศรวมถึงหน่วยงานพันธมิตรด้านการพัฒนา ซึ่งจะสามารถทำให้ภูมิภาคของเราผลิตสินค้าเกษตรอย่างยั่งยืน ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการพบกันในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญต่อไปของความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ โดยการแลกเปลี่ยนความเห็น วางแผน และผลักดันระบบการผลิต สินค้าเกษตรในภูมิภาคอาเซียน ให้สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างยั่งยืน และได้รับประสบการณ์ที่ดีจากงานนี้
          ขณะที่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงของหน้าแล้งจังหวัดเชียงใหม่มักจะประสบกับปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ทำให้ค่าคุณภาพอากาศมีฝุ่นควันสะสมอยู่ในอากาศค่อนข้างสูงยาวนานกว่า 2 เดือน อย่างไรก็ตามจังหวัดเชียงใหม่ได้บูรณาการทุกภาคส่วนดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สถานการณ์ฝุ่นควันคลี่คลายลง ไม่กระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน ซึ่งการดำเนินการได้เริ่มตั้งแต่พื้นที่เกษตร ที่มักจะประสบกับปัญหาเกษตรกรเผาเศษซากวัสดุทางการเกษตร ทำให้ช่วงหน้าแล้งที่มักจะเกิดปัญหาฝุ่นควันนั้นมีสถานการณ์ที่รุนแรงมากขึ้น จึงได้มีการใช้วิธี “เดินหน้าเข้าหาไฟ” ทำความเข้าใจร่วมกับชาวบ้านและเกษตรกร ถึงการเปลี่ยนวิธีกำจัดวัสดุทางการเกษตรจากการเผาแบบ 100% เป็นวิธีการไถกลบแทน ซึ่งภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปสนับสนุนและซัพพอร์ตชาวบ้านและเกษตรกรที่ไม่มีกำลังทรัพย์ในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงด้วยวิธีการไถกลบ เพื่อช่วยลดพื้นที่เผาไหม้ในพื้นที่เกษตร ลดปัญหาฝุ่นควันในอากาศ